Last updated: 7 เม.ย 2563 | 277197 จำนวนผู้เข้าชม |
เห็นรูปลักษณ์กลมมีลายตาข่าย เห็นชัดเจนอยู่ทั่วผลนั้น ดูไกลๆ อาจคิดว่าเป็นผลเคตาลูปที่ทุกท่านเคยทานกันแต่พอมองใกล้ๆ แล้วจะเห็นชัดเลยว่ามันคือผลเมล่อน ของดีจากญุี่ปุ่น ที่สามารถปลูกได้ในประเทศไทย เมล่อนจัดเป็นพืชอยู่ในตระกูลแตง คล้ายแคนตาลูป แต่มีความแตกต่างกันที่รสชาติ ความหอม กลิ่น เนื้อ และลวดลานที่สวยงามของผล ขึ้นกับสายพันธุ์ชนิดต่างๆ ซึ่งในเมืองไทยเรานิยมเมล่อนสายพันธุ์ญี่ปุ่น ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีความหวาน หอม อร่อย และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สนใจสั่งซื้อเมล็ดเมล่อนหรือชุดเริ่มปลูกคลิ๊กที่นี่
ที่มาที่ไป
ในฤดูร้อนที่ประเทศญี่ปุ่น หรือ ช่วงเดือนมิถุนายน ชาวญุี่ปุ่นจะนิยมทานผลไม้ที่มีความหวานฉ่ำน้ำเพื่อเป็นการคล้ายร้อนและยังเป็นการเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่ เมล่อนญี่ปุ่นจะเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นผลไม้ที่หวานฉ่ำ อีกทั้งยังมีความหอมหวานจึงเป็นที่นิยม โดยเฉพาะ เมล่อนคุณภาพสูงเพราะเกษตรกรชาวญี่ปุ่นปลูกเมล่อนในเรือนกระจกและมีการควบคุมการเพาะปลูกเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้ผลเมล่อนญี่มีความสมบรูณ์มากที่สุด
เมื่อเมล่อนญี่ปุ่นได้ข้ามน้ำจ้ามทะเลมาเมืองไทยของเรานั้น เจ้าเมล่อนเหล่านี้ก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่ไม่ต่างกัน เจ้าเมล่อนจากแดนปลาดิบนั้นจะชอบอากาศแห้ง ชอบดินที่มีการระบายน้ำและอากาศได้ดี เพื่อจะให้เจ้าเมล่อนมีคุณภาพดี ที่อุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุต่าง จึงเป็นต้องพึ่งพาขั้นตอนและวิธีการเพาะปลูกที่ถูกต้องและมีการเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดตลอดระยะการปลูกกว่า 90 วัน
การดูแลเมล่อนญี่ปุ่น
เป็นที่รู้กันเป็นอย่างดีในหมู่ผู้ปลูกเมล่อนว่า เมล่อนเป็นผลไม้ที่มีความไวต่อปริมาณน้ำและธาตุอาหารที่ให้ซึ่งส่งผลต้อความสมบูรณ์ของต้นเมล่อนและผลเมล่อนเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะได้ผลเมล่อนญี่ปุ่นที่มีความสมบรูณ์ อร่อยเป็นที่ชื่นชอบของผู้ทานแล้วนั้น เกษตรกรต้องให้น้ำและธาคอาหารต้นเมล่อนถึง 5 ครั้งต่อวัน อีกทั้งยังต้องคอยสังเกตการเติมโตในทุกขันตอนและค่อยป้องกับกำจัดเมล็ดศัตรูพืชที่เข้ามารอบกวนต้นเมล่อนเนื่องจากความหวานหอมของเมล่อนอีกด้วย
การเลือกผลเมล่อน
เพื่อให้เราเลือกทานเมล่อนที่อร่อย ถูกใจ ในแบบที่เราชอบทานมีแนวทางการเลือกผลเมล่อนญี่ปุ่นดังนี้
พร้อมรับประทาน
การทานเมล่อนให้อร่อยนั้น ชาวญี่ปุ่นแนะว่า ก่อนทานควรแช่เตู้เย็นประมาณ 4 ถึง 6 ชั่วโมงก่อนรัปทาน และเพื่อให้ความหวานของเมล่อนสม่ำเสมอทั่วทั้งผลให้คว่ำด้านขั้วเมล่อนลงก่อนรับประทาน 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง จากนัน้ผ่าครึ่งใช้ช้อนเขี่ยเฉพาะเมล็ดทิ้ง ที่สำคัญไม่ควรใช้มีดปาดไส้กลางทิ้ง แบบการปลอกมะละกอ เนื่องจากไส้กลางบริเวณที่ติดกับเมล็ดนั้นเป็นส่วนที่หวานที่สุดของเมล่อน หลังจากนั้นนำมาผ่าเป็นเสี้ยวแล้วตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ ก็จะได้เมล่อนที่หวาน หอม อร่อย ที่สุด และควรหั่นให้พอดีทานหมดเท่านั้น ไม่ควรแช่เมล่อนที่หั่นเป็นชิ้นๆแล้วทิ้งไว้ในตู้เย็น จะทำให้เสียรสชาติ และกลิ่นหอมของเจ้าเมล่อนไป
นอกจากนั้นชาวญี่ปุ่น หรือภัตตาคารญี่ปุ่นในประเทศไทย จะเลือกเสิร์ฟเมล่อนสดที่สุกกำลังดี เนื้อนุ่ม เนียน หวานฉ่ำ แต่หลายคนก็นำมาประยุกต์ทำเป็นเค้กใส่เมล่อน ไอศกรีมเมล่อน เจลลี่เมล่อน ขนมปังเมล่อน ก็อร่อยไปอีกแบบ
เพื่อให้ได้เนื้อเมล่อนญี่ปุ่นที่มีความนุ่มพอดีกับที่เราชอบทาน เราสามารถเก็บเมล่อนไว้ตามระยะเวลาดังนี้
ประโยชน์มีมากมาย
ชาวญี่ปุ่นมักจะจะซื้อเมล่อนเป็นของเยี่ยมผู้ป่วยด้วย เพราะเจ้าเมล่อนนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในปริมาณสูง มีทั้งวิตามินซี วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก ซึ่งล้วนให้ประโยชน์แก่ร่างกายทั้งนั้น แถมยังไม่มีไขมันและคอเลสเตอรอล อีกทั้งแคลอรีต่ำ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
นอกจากนั้นยังเชื่อว่าเอนไซม์ในน้ำเมล่อนชื่อว่า superoxide dismutase มีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดกระบวนการทางเคมีภายในร่างกาย ส่งผลให้สามารถลดระดับความเครียดของคนเราได้ ทำให้ความเจ็บปวด ปัญหาการนอนหลับลดลงได้ รวมทั้งมีกระบวนการรับรู้ที่ดีขึ้น เช่น มีสมาธิมากขึ้น สามารถปรับพฤติกรรม ลดอารมณ์ฉุนเฉียวโมโหง่าย ดูเป็นมิตรขึ้นได้อีกต่างหาก
ถ้ายังไม่รู้ว่าจะทานอะไร ขอแนะนำ คิโมจิ คูนามิ และ โมมิจิ เมล่อนญี่ปุ่นสายพันธ์ุญี่ปุ่นแท้ ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจากจะไม่อ้วน ต้านแก่แล้ว ยังลดความเครียดได้ฉับพลันอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก SAFETY FARM ที่เอื้อเฟือข้อมูลครับ
สนใจสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์เมล่อน คิโมจิ คูนามิ หรือ โมมิจิ สายพันธุ์แท้ นำเข้าจากญี่ปุ่น คลิ๊กที่นี่
หากลูกค้าท่านใดสนใจผลเมล่อนสดส่งตรงจากฟาร์ม คลิกที่นี่เลยครับ
24 มี.ค. 2560
27 มี.ค. 2560
23 ก.พ. 2560
10 มี.ค. 2560